ประสบการณ์ส่วนตัวกรรมฐาน

การเดินจงกรม: เมื่อการเดินกลายเป็นการฝึกสมาธิ และพลังของการเขียนบันทึก

อ่าน 8 นาที
การเดินจงกรม - ฝึกสมาธิด้วยการเดิน

บางครั้งการค้นพบตัวเองไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่อยู่ที่การเดินทางในทุกย่างก้าว

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

ช่วงนี้ฝึกกรรมฐานด้วยการเดินติดต่อกัน มาได้เดือนกว่าแล้ว วันละ 3 กม. ทำเฉพาะตอนเย็น พอทำได้อย่างหนึ่งก็ฝึกอย่างอื่นเพิ่มตามไปอีก ฝึกให้ได้ทั้งสติ สมาธิ สัมปชัญญะ รวมทั้งความแข็งแรงของหัวใจ ส่วนกล้ามเนื้อคงต้องใช้เครื่องมืออื่นภายภาคหน้าต่อไป

💡 สิ่งที่ได้รับจากการเดิน 3 กม./วัน

  • สติ: ความตระหนักรู้ในปัจจุบันขณะ
  • สมาธิ: ความมั่นคงของจิตใจ
  • สัมปชัญญะ: ความรู้ชัดในสิ่งที่ทำ
  • หัวใจแข็งแรง: สุขภาพกายที่ดีขึ้น

วันแรกของการเปลี่ยนแปลง

วันนี้เพิ่งได้เปลี่ยนมาเป็นตอนเช้าตีห้าครึ่งวันแรก พอมันเห็นความก้าวหน้ามันก็มีกำลังใจ ทำได้เรื่อย ๆ ถ้ามันได้จังหวะ และท่วงทำนองที่เข้ากับตัวเองแล้ว มันก็จะไหลลื่นไปได้เองโดยอัตโนมัติ

พอสมองได้รับรางวัล ก็มีความสุขไปอีก มันก็พาไปหาเทคนิคใหม่จากครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ไปอีกเรื่อย ๆ

"ถ้ามันได้จังหวะและท่วงทำนองที่เข้ากับตัวเองแล้ว มันก็จะไหลลื่นไปได้เองโดยอัตโนมัติ"

คำสอนที่ทำให้ใจฟู...แล้วก็แฟบ

พอได้ฟังอาจารย์ปราโมทย์บอกว่าการเดินจงกรมเป็นการฝึกสมาธิที่ได้ผลเข้มแข็งกว่าการนั่ง ก็ยิ่งทำให้ใจฟู รู้ตัวเลยว่ามาถูกทาง ถูกจริตกะตัวเองเหลือเกิน

แต่พอฟังต่อไป ท่านบอกว่าต้องฝึกให้มากนะ อย่างน้อยสามชั่วโมง ฟังถึงตรงนี้ใจแฟบอีกละ 😅

ข้อค้นพบสำคัญ

การเดินจงกรมให้ผลเข้มแข็งกว่าการนั่งสมาธิ แต่ต้องฝึกอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเพื่อให้เห็นผลอย่างแท้จริง

จิตใจคือคลื่น: การทำความเข้าใจอารมณ์

นี่ล่ะ จิตใจ อารมณ์ มันก็คือคลื่น ถ้าแยกให้ออกเป็นคลื่นความถี่ได้แล้วมันจะสนุกมากนะ บอกเลย

ทีนี้พออารมณ์มันเกิด มันก็จะคอยดู ไม่จ้องจับผิด มีลูกล่อลูกชนกันสักหน่อย สนุกดี ถ้าไม่ลองทำเองมันก็ได้แค่รู้ แต่ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งสักที

🌊 จิตใจเป็นคลื่น

เหมือนคลื่นที่มีขึ้นมีลง อารมณ์ของเราก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่ต้องกลัวหรือต่อสู้กับมัน แค่สังเกตและเข้าใจ

👁️ คอยดู ไม่จับผิด

การมีสติคือการสังเกตอารมณ์โดยไม่ตัดสิน ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

"ถ้าไม่ลองทำเองมันก็ได้แค่รู้ แต่ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งสักที"

พลังของการเขียนบันทึก

เลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาฝึกดูอารมณ์กัน จับมันให้เป็นรูปเป็นร่าง มีหลักการไม่ยาก แต่มีหลายเทคนิคหลากหลายมากเลย และอีกเทคนิคที่อยากนำเสนอก็คือ เขียนมันออกมาค่ะ

✍️ ทำไมต้องเขียนบันทึก?

1

ทำให้เห็นอารมณ์เป็นรูปธรรม

การเขียนช่วยให้อารมณ์ที่เป็นนามธรรมกลายเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้

2

สร้างระยะห่างจากอารมณ์

เมื่อเขียนออกมา เราสามารถมองอารมณ์จากภายนอกได้ชัดเจนขึ้น

3

ปลดปล่อยความรู้สึก

การเขียนช่วยให้อารมณ์ที่อัดอั้นได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างปลอดภัย

4

ค้นพบรูปแบบ (Pattern)

เมื่อเขียนเป็นประจำ จะเริ่มเห็นรูปแบบของความคิดและอารมณ์ตัวเอง

เข้าร่วมชุมชนเขียนบันทึกเพื่อเยียวยาจิตใจ

เราสร้างกลุ่มเขียนบันทึก เยียวยาจิตใจ ขึ้นมาเป็นพื้นที่เงียบ ๆ สำหรับคนที่อยากเริ่มฟังใจ หรือรู้อารมณ์ตัวเอง

ส่วนใครที่ขอเข้ากลุ่มมา เราจะส่งอีบุค "7 คำถามเขียนบันทึกเพื่อเข้าใจตัวเอง"แทนคำขอบคุณจากใจให้

✨ สิ่งที่คุณจะได้รับในกลุ่ม

📝

คำถามเขียนบันทึก (prompt) รายสัปดาห์

คำถามที่คัดสรรมาเพื่อช่วยให้คุณสำรวจตัวเองอย่างลึกซึ้ง

🎯

Framework การเขียนบันทึก

เทคนิคและกรอบการคิดที่คุณสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเอง

💬

แลกเปลี่ยนกันแบบปลอดภัย ไม่ตัดสิน

พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกัน

🌱 การเดินทางของการเติบโต

ไม่ว่าจะเป็นการเดินจงกรม การนั่งสมาธิ หรือการเขียนบันทึก ล้วนเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น สำคัญที่สุดคือต้องลองทำเอง เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าแค่การรู้

พร้อมเริ่มต้นเขียนบันทึกเพื่อเยียวยาจิตใจแล้วหรือยัง?

รับ eBook ฟรี "7 คำถามที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ" พร้อมเริ่มต้นการเดินทางสู่การเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง

รับ eBook ฟรีเลย! 📖
การเดินจงกรม: ฝึกสมาธิด้วยการเดิน และพลังของการเขียนบันทึก | HabitFlows